วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทำไมDeK เรียน ต้อง ติด GaMe ทำไม dEk ติด เกม ไม่ติด เรียน??


รับโค้ดเพลง แสงแรก Bodyslam คลิกที่นี่

ประวัตินอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน


ประวัตินอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

--------------------------------------------------------------------------------

นอสตราดามุส จอห์น ดี (John Dee) เป็นนักโหราศาสตร์และแพทย์ที่เก่งกาจในพุทธศตวรรษที่ 21 แต่เขาก็ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเหมือนกับนอสตราดามุส ( Nostradamus) ผลงานชิ้นสำคัญของนอสตราดามุสที่ถูกตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2111 คือ Propheties ได้ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่นั้นมา

ในช่วง 4 ศตวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่คำทำนายฉบับสมบูรณ์ถูกตีพิมพ์ ทุกถ้อยคำ ที่มีอยู่ในโคลงหลายร้อยโคลง ก็ถูกวิเคราะห์และตีความหมายไปในหลายแบบ การแปลความหมายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโคลงเขียนขึ้นด้วยภาษาฝรั่งเศสปนละตินและกรีก ถ้อยคำเป็นการอุปมาและไม่แจ่มชัด คำทำนายไม่ได้เป็นไปอย่างเรียงลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง จึงทำให้ยากที่จะเข้าใจ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็นที่นิยม ดังจะเห็นได้จากการนำคำทำนายและเรื่องราวของเขาไปแต่งหนังสือ บทความ และภาพยนตร์ และการที่ผู้รอบรู้ต่างแข่งขันกันตีความหมายของโคลงทำนาย

นอสตราดามุส มีชื่อจริงว่า มิเชล เดอ นอสตราดาม (Michel De Nostradame ) เกิดที่จังหวัด เซนต์ เรมี(St.Remy) ในฝรั่งเศส ปี พ.ศ.2046 เขาได้เปลี่ยนจากนับถือศาสนายูดาห์ (Judaism) มาเป็นคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก นอสตราดามุสเป็นเด็กฉลาดและขยัน เขาได้เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ มหาวิทยาลัย มองต์เปลลีเยร์(Montpellier) เนื่องจากวิชาการแพทย์นั้นเน้นโหราศาสตร์และปรัชญาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เขาจึงมีชื่อเสียงในทางความคิดแปลกๆที่เขานำมาใช้ทางการแพทย์

สมัยนั้นเป็นสมัยของโรคระบาดที่ไม่มีใครเข้าใจสาเหตุและการติดต่อของมัน การแพทย์ไม่มีทางรักษา นอสตราดามุสเชื่อว่า ยามีพลังรักษาได้ เขาจึงศึกษาและพัฒนายาจนประสบความสำเร็จ นอสตราดามุสได้ค้นคว้าและหาทางกำจัดโรคร้ายต่างๆจนกระทั่งภรรยาและลูกของเขาต้องติดโรคระบาดจนเสียชีวิต

หลังจากนั้นเขาได้ออกเดินทางไปทั่วฝรั่งเศสและอิตาลี ค้นคว้าเรื่องยาและหาความรู้เพิ่มเติมทางยา นอสตราดามุสตั้งหลักอีกครั้งที่เมือง ซาลอง (Salon) แต่งงานใหม่และเริ่มการทำนายอนาคต วิธีการทำนายของเขา จะใช้ทั้งวิธีทำนายจากพื้นผิวสะท้อนและการคำนวณทางโหราศาสตร์ แต่โดยมากแล้วการทำนายจะปรากฏแก่เขาเป็นนิมิต ซึ่งเขาบันทึกไว้เป็นโคลงเป็นร้อยๆโคลงมารวมกัน เรียกว่า ศตวรรษ (Centuries) หรือโคลงร้อยบท โคลงนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2098 และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในปี พ.ศ.2100

นอสตราดามุส ถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้าพระราชินีแคทเธอรีน เดอ เมดีซีส์ (Catherine de Medicis) ด้วยพระองค์ประสงค์จะรู้อนาคตของราชวงศ์ ด้วยความสามารถของเขาทำให้ผลการทำนายเป็นที่พอพระทัยของราชินี การทำนายหนึ่งในโคลงได้กล่าวถึงสาเหตุการสวรรคตของพระเจ้าอองรีที่ 2 (Henry II) พระสวามีของพระนางว่า จะสวรรคตในการต่อสู้ ความแม่นยำในการทำนายทำให้เขามีชื่อเสียงและเป็นที่จับตาขององค์กรทางศาสนา ที่คอยสอดส่องผู้ที่ใช้คุณไสยและทำนายอนาคตได้โดยพลังปีศาจ นอสตราดามุสโชคดีที่มีอำนาจของพระราชินีคุ้มครอง และเขาก็พยายามเก็บตัวเงียบ เขาได้เผาห้องสมุดของตัวเองโดยอ้างว่า คาถาโบราณเป็นสิ่งอันตราย ต้องทำลายทิ้งให้หมด

เขามีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยจนสุขภาพทรุดโทรมในปี พ.ศ.2109 เจ็ดปีหลังจากนอสตราดามุสเสียชีวิต พระเจ้าอองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต จากนั้นโคลงร้อยบทก็ถูกพิมพ์อย่างสมบูรณ์ โคลงพยากรณ์ของนอสตราดามุส มีความคลุมเครือและยากที่จะตีความหมาย ผู้รู้ที่ทำการตีความหมายของโคลงพบว่า นอสตราดามุส มีนิสัยชอบใช้ชื่อย่อและรหัสแทนชื่อคนและสถานที่ นอสตราดามุสลังเลที่จะพยากรณ์อย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเกรงว่า ผู้นำของโลกจะไม่สามารถยอมรับความจริงได้ และเขาก็เกรงต่ออำนาจศาสนจักรที่คอยจ้องจับผิดเขาอยู่ และเกรงต่อการลบหลู่ผู้มีอำนาจเนื่องจากคำทำนายของเขา

ก่อนที่นอสตราดามุสจะเสียชีวิต เขายอมรับความคลุมเครือของโคลงและเพื่อเป็นการแก้ปัญหา เขาได้นำคู่มือถอดรหัสโคลงชื่อ Carte Blanche และมอบให้กับผู้ถอดรหัสไว้เป็นเครื่องชี้นำ คู่มือได้ช่วยให้การตีความหมายโคลงเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้ตีความหมายสมัยใหม่ที่พยายามหาวิธีถอดรหัสโดยแทนค่าคำด้วยตัวอักษรบางตัว และอ้างว่าพบรหัสใหม่ที่ทำให้ถอดความได้ง่ายขึ้น แต่ไม่เป็นที่นิยม

คนที่พยายามจะเขียนคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสขึ้นมาใหม่ด้วยการตีความหมายอย่างละเอียดนั้น อาจเข้าใจในจุดประสงค์ที่แท้จริงของนอสตราดามุสผิดไป นอสตราดามุสได้เขียนโคลงทำนายไว้ เปรียบได้กับศาสนาพยากรณ์แห่งชีวิต เอาไว้อ้างอิงเมื่อยามมีปัญหา เมื่อเกิดคำถามก็ให้อ้างอิงถึงโคลงและจะพบคำตอบได้ หากคำทำนายไม่เป็นจริงตามที่บอกก็มีคำอธิบายความผิดพลาดเสมอ ตีความหมายผิดบ้าง ผิดเวลาบ้าง ต่างกันไปบ้าง

ความเชื่อที่มนุษย์มีต่อการทำนายนั้น เป็นไปโดยไม่ได้บังคับ มีบางครั้งที่ความเชื่อนั้น ถูกบังคับและมีเบื้องหลัง เช่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกนาซีได้จัดให้โหรชาวสวิสผู้เชี่ยวชาญในการแปลโคลงของนอสตราดามุส เพื่อให้เขาทำโคลงปลอมที่ชี้ให้เห็นถึงคำทำนายว่าเยอรมันจะชนะ ทางฝ่ายอังกฤษ ก็ทำเช่นเดียวกันโดยปลอมโคลง 50 โคลง ที่มีความหมายถึงความตายและความพ่ายแพ้ของฮิตเลอร์ (Hitler)

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันตรุษจีน



ประวัติความเป็นมา และตำนานวันตรุษจีน


ประวัติของวันขึ้นปีใหม่ของจีนมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในวัฒนธรรมอื่นๆ ความปรารถนาสิ่งที่เราหวังว่าจะได้ปรับปรุง หรือที่เราคิดทำเมื่อเริ่มต้นในปีใหม่ มาถึงตอนนี้ ถ้าไม่ถูกลืมก็ถูกยัดลงกล่อง ใส่ตู้ปิดตายและแปะหน้าตู้ว่าไม่แน่ เอาไว้ทำปีหน้าแล้วกันอย่างไรก็ดี ความหวังก็คงยังไม่สูญไปทั้งหมด เพราะโอกาสที่สองกำลังมาถึงแล้ว กับการฉลองวันปีใหม่จีนหรือที่เรารู้จักกันว่า ตรุษจีนในวันที่ 29 มกราคม 2549 นี้ นั้นเอง
ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่า เริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน


การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน

ตำนานวันตรุษจีน

ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า “กว้อชุนเจี๋ย” หรือ “กว้อเหนียน” เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า “เหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย

ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน


ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"



การไหว้เจ้า


การไหว้เจ้า เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีนปฏิบัติสืบทอดกันมา ตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่ และไหว้บรรพบุรุษเพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ครอบครัว ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง คือ
ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า “ง่วงตั้งโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สอง ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า “ง่วงเซียวโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่สาม ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า “ไหว้เช็งเม้ง” เป็นประเพณีที่ลูกหลานไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย
ไหว้ครั้งที่สี่ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า “โหงวเหว่ยโจ่ย” เป็นเทศกาลไหว้ขนมจ้าง
ไหว้ครั้งที่ห้า ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า “ตงง้วงโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่หก ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า “ตงชิวโจ่ย” ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่า ไหว้พระจันทร์
ไหว้ครั้งที่เจ็ด ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า “ไหว้ตังโจ่ย”
ไหว้ครั้งที่แปด ไหว้เดือน 12 วันสิ้นปี เรียกว่า ไหว้สิ้นปี หรือ “ก๊วยนี้โจ่ย”


ประเพณีการไหว้เจ้าทั้ง 8 ครั้งนี้ มีคำจีนเฉพาะเรียกว่า “โป๊ยโจ่ย” โป๊ย คือ 8 โจ่ย แปลว่า เทศกาล โป๊ยโจ่ย จึงหมายความว่า การไหว้เจ้า 8 เทศกาล ซึ่งนอกจากการไหว้เจ้า 8 เทศกาลนี้แล้ว บางบ้านอาจมีวันไหว้พิเศษกับเจ้าบางองค์ที่นับถือศรัทธา คือ

ไหว้เทพยดาฟ้าดิน เช่น การไหว้วันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่า “ทีกงแซ” หรือ “ทีตี่แซ” ก็ได้ ตรงกับวันที่ 9 เดือน 1 ของจีน
ไหว้อาเนี้ยแซ คือ ไหว้วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม ปีหนึ่งมี 3 ครั้ง คือ วันที่ 19 เดือน 2, วันที่ 19 เดือน 6 และวันที่ 19 เดือน 9
ไหว้แป๊ะกงแซ ตรงกับวันที่ 14 เดือน 3
ไหว้เทพยดาผืนดิน คือ ไหว้โท้วตี่ซิ้ง ตรงกับวันที่ 29 เดือน 3
ไหว้อาพั้ว “อาพั้ว” คือ พ่อซื้อแม่ซื้อผู้คุ้มครองเด็ก วันเกิดอาพั้ว หรือ “อาพั้วแซ” ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
ไหว้เจ้าเตา ไหว้วันที่ 24 เดือน 12 เรียกว่า “ไหว้เจ๊าซิ้ง”
การไหว้เจ้าพิเศษนี้ แล้วแต่ศรัทธาของแต่ละบ้านและแล้วแต่ความจำเป็น เช่น ถ้าที่บ้านไม่มีเด็ก ก็ไม่จำเป็นต้องไปไหว้อาพั้ว หรือถ้าที่บ้านไม่ได้ทำนาทำไร่ก็ไม่มีที่ และไม่มีความจำเป็นต้องไหว้โท้วตี่วิ้ง หรือเทพยดาผืนดิน

เมื่อพูดถึงการไหว้เจ้า จะหมายถึงการไหว้เจ้าที่กับไหว้บรรพบุรุษ เครื่องเซ่นสำหรับไหว้เจ้าที่จะจัดเป็น 1 ชุด
เครื่องเซ่นสำหรับบรรพบุรุษจะจัดเป็นอีกชุดต่างหาก การไหว้จะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้เจ้าที่ก่อน พอสายหน่อยจึงจะตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งของไหว้จะมีของคาว ของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม โดยมีกับข้าวคาวเพิ่มเข้ามาสำหรับการไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งมีธรรมเนียมว่าต้องให้มีของน้ำ 1 อย่าง เช่น แกงจืด


การจัดของไหว้

ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพง และหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน ของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” อาจเป็นซาลาเปาไส้หวาน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ขนมกุยช่าย และขนมจันอับ ผลไม้ 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวก้วย”
ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้

ผลไม้ที่ใช้ไหว้ จะนิยมเลือกชนิดที่มีอะไรที่เป็นมงคลอยู่ในตัว

ส้ม เรียกว่า “ไต้กิก” แปลว่า โชคดี
องุ่น เรียกว่า “พู่ท้อ” แปลว่า งอกงาม
สับปะรด เรียกว่า “อั้งไล้” แปลว่า มีโชคมาหา
กล้วย มีความหมายถึงการมีลูกหลานสืบสกุล
ที่ในกระถางธูปที่ใช้ไหว้เจ้า บางคนนิยมใส่ “โหงวจี้” สำหรับปักธูป ประกอบด้วย เมล็ด 5 อย่าง คือ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ถั่วเขียว ถั่วดำ และเชื้อแป้ง (ยีสต์) โดยถือว่าเมล็ดทั้งห้า คือบ่อเกิดของการเจริญเติบโตอุปมาอุปไมยให้การไหว้เจ้านี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง


แต่การใช้โหงวจี้ปักธูป มีข้อจำกัดว่าใช้ได้แต่ในบ้าน ถ้าเป็นการไหว้นอกบ้าน ต้องใช้ข้าวสารหรือทราย มิฉะนั้นเชื้อแป้งเมื่อถูกความชื้น เช่น ฝนหรือน้ำค้าง จะทำให้แข็งตัวแล้วปักธูปไม่ลง

เมื่อไหว้เจ้าเสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นการปิดท้ายรายการ



ความเชื่อเรื่องโชคลางในวันตรุษจีน

ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล
ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่
คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

การแต่งกายและความสะอาด
ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ
สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก
ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ
ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี
ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน


15 วันแห่งการฉลองวันตรุษจีน

วันแรกของปีใหม่
เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่า จะเป็นการต่ออายุ และนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน

วันที่สอง
ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด

วันที่สามและสี่
เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน

วันที่ห้า
เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใคร เพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย

วันที่หก
ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข

วันที่เจ็ด
ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ

วันที่แปด
ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์

วันที่เก้า
จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้

วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง
เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน

วันที่สิบสาม
ถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย

วันที่สิบสี่
ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้า

วันที่สิบห้า
งานฉลองโคมไฟ

วัน พ่อ




วันพ่อ 5 ธันวามหาราช วันพ่อแห่งชาติ กลอนวันพ่อ เพลงวันพ่อ เพลงพ่อ เพลงเกี่ยวกับพ่อ



วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต
นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม

[เพลงพ่อ เพลงเกี่ยวกับพ่อ เพลงวันพ่อ คลิกที่นี่ ] [กลอน กลอนวันพ่อ กลอนพ่อ กลอนสำหรับพ่อ คลิกที่นี่]


ความเป็นมาวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา ( วันพ่อ )



ความหมายตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา
๕ ธันวาคม ๒๕๕๐
5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการ จำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" อันคำว่าโดย "ธรรม" นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า "ราชธรรม 10 ประการ" ราชธรรม 10 ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ

วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อ โดยที่พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญ ต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้

กิจกรรมที่ควรปฎิบัติในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1.ประดับธงชาติที่อาคารบ้านเรือน
2.จัดพิธีศาสนสงฆ์ ทำบุญใส่บาตร อุทิศเป็นพระราชกุศล น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
3.จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

วัตถุประสงค์ของการจัดวันพ่อแห่งชาติ
1. เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม
3. เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูต่อพ่อ
4. เพื่อให้ผู้เป็นพ่อได้สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

บทร้อยกรองเทิดพระเกียรติ

อันราชาเลี้ยงรักษาซึ่งทวยราษฎร์
ควรที่บุตรสุดที่รักจักจุนเจือ ประดุจเป็นปิตุราชอยู่ทุกเมื่อ
พระคุณนั้นให้อะเคื้อด้วยภักดี


กลอนวันพ่อ #1
ทุกบุปผา มาลัยคือใจราษฎร์
พระ คือ บิดาข้าแผ่นดิน
ลุ ๕ ธันวามหาราช
พระเปี่ยมล้นด้วยเมตตาเอื้ออาทร ภักดีบาทองค์บพิตรเป็นนิจสิน
ร่วมร้อยรินมาลัยถวายพระพร
"วันพ่อแห่งชาติ" คือองค์อดิศร
พสกนิกรเป็นสุขทุกคืนวัน


กลอนวันพ่อ #2
พ่อคนนี้คนดีเป็นที่หนึ่ง
จะทำดีโดยไม่ต้องรีรอ
คิดคำนึงถึงพ่อคนนี้หนอ
ลูกจะขอให้พ่อมีสุขเอย
5 ธันวา วันพ่อ ก่อเกิดสุข สร้างเสริมลูก เผ่าไทย ขยายผล
ลูกขอกราบ แทบเท้า เอามงคล ลูกทุกคน รักพ่อ ขอแทนคุณ
งานพ่อหนัก ลูกประจักษ์ ในดวงจิต ขออุทิศ กายใจ สนับสนุน
ลูกทุกคน รักพ่อ พร้อมเทิดทูน ขอเนื้อบุญ จงบันดาล ผสานใจ
ทั่วแผ่นดิน ถิ่นแคว้น แดนเหนือใต้ ทรงห่วงใย เสริมสร้าง ทางสดใส
ให้รักษ์น้ำ รักษ์ดิน ตราบสิ้นใจ ขาดสิ่งใด ก็ไร้ค่า พาเศร้าตรม
เมื่อดินดำ น้ำชุ่ม ไม่กลุ้มจิต สร้างชีวิต เสริมชีวา พาสุขสม
สุขภาพดี ถ้วนหน้า ธันวาคม ชาวโลกชม พ่อไทย จากใจจริง
สัญลักษณ์ วันพ่อแห่งชาติ


ดอกพุทธรักษา
วันสำคัญอื่นๆ
- วันลอยกระทง
- วันพ่อแห่งชาติ
- วันคริสต์มาส
- วันขึ้นปีใหม่
- วันครู
- วันวาเลนไทน์
- วันสงกรานต์
- วันสุนทรภู่
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เพลงวันพ่อ
- กลอนวันพ่อ
- ส่งการ์ดให้พ่อ






เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพลง "พ่อแห่งแผ่นดิน"
เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐



(หญิง) อัครศิลปิน กรองศาสตร์ กรองศิลป์ การดนตรี
ร้อยกรอง บทกวี ซึ้งกมล
ตราบฟากฟ้า ครึ้มฝน ต้นไม้ทุกต้น พลอยยินดี
รู้รักสามัคคีเพื่อพ่อแห่งไทย
(ชาย) เหล่าประชา คารวะ สดุดี
แผ่นดินนี้ มีสุข ด้วยองค์ พระทรงชัย
บรรดาชาติชน ชื่นชม สมใจ
ถวายบังคม เทิดไท้ ภูมิพลมหาราชา
(หญิง) ภักดีถวาย ดวงใจ ของไทยทั้งชาติ
มหาราช ปราดเปรื่อง เรื่องของกีฬา
(ชาย) ล้ำเลิศสื่อสาร พลังงานแทนแก้ปัญหา
ฝนหลวง ฟ้าห่วงชาวนา
ชาติไทย นับว่าโชคดี
(ชาย - หญิง) ทรงนำเศรษฐกิจพอเพียง หล่อเลี้ยงชีวา
เป็นปรัชญา เกริกฟ้า ก้องปฐพี
ไทยทั้งผอง ภูมิใจ ไทยเป็นไทยจนวันนี้
เพราะองค์ภูมิพลที่ คุ้มครองไทย



คำร้อง : ชาลี อินทรวิจิตร - อาจินต์ ปัญจพรรค์ - สุนทรียา ณ.เวียงกาญจน์ - สุรพล โทณะวณิก
ทำนอง : เรืออากาศตรี ศ.พิเศษ ดร.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ - วิรัช อยู่ถาวร
พิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ - จิรวุฒิ กาญจนะผลิน

วัน ลอยกระทง



ประวัติวันลอยกระทง




นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า
"แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน"

ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆบ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่งบ้าง" ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุดที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคมบนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว



ตำนาน เรื่องเล่า


ประเพณีลอยกระทงนั้นมีมาแต่โบราณ โดยมีคติความเชื่อหลายอย่าง เช่น เชื่อว่าเป็นการบูชาและขอขมาแม่พระคงคา เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น การลอยกระทงนิยมทำกันในวันเพ็ญ เดือน 12 ของทุก ๆ ปี อันเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองขึ้นสูงและอากาศเริ่มเย็นลง ตามพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน และตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้กล่าวว่า นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกในพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์กระทงสำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานขึ้น ซึ่งคนทั่วไปนิยมทำตามสืบต่อมา นอกจากนั้นในศิลาจารึกหลักที่ 1 ยังได้กล่าวถึง งานเผาเทียน เล่นไฟ ของกรุงสุโขทัยไว้ด้วยว่า เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้ผู้รู้ทั้งหลายสันนิษฐานต้องตรงกันว่า งานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน






เพลงวันลอยกระทง

เนื้อเพลง รำวงลอยกระทง Loykatong lyrics
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง
เราทั้งหลายชายหญิง
สนุกกันจริง วันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง
ลอยกระทงกันแล้ว
ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง

รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง
บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง
เราทั้งหลายชายหญิง
สนุกกันจริง วันลอยกระทง

ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง
ลอยกระทงกันแล้ว
ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง

รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง
บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ
November full moon shines,
Loi Krathong, Loi Krathong,
and the water's high
in the river and local klong,

Loi Loi Krathong,
Loi Loi Krathong,
Loi Krathong is here and everybody's full of cheer,

We're together at the klong,
We're together at the klong,

Each one with this krathong,
As we push away we pray,
We can see a better day.

วันปีใหม่



ความหมายของ วันขึ้นปีใหม่
ความหมายของวันขึ้นปีใหม่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชตบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า " ปี" ไว้ดังนี้ ปี หมายถึง เวลา ชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน : เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ

ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน
การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯเป็นครั้งแรก

การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ที่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆมา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์

ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป

เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ได้แก่
1. การทำบุญตักบาตร โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ
2. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง การมอบของขวัญ การมอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร
3. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ
วันขึ้นปีใหม่นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราได้ทบทวนถึงการดำเนินชีวิตในอดีต เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ดีขึ้น


กิจกรรมใน วันขึ้นปีใหม่
วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก อวยพรซึ่งกันและกัน หรืออาจจะส่งการ์ดบัตรอวยพร ของขัวญไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป ประดับธงชาติ และจะเตรียมทำความสะอาดบ้าน และที่พักอาศัย

เพลงวันปีใหม่ (เพลงพรปีใหม่ เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวง)

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ

ฟังเพลง พรปีใหม่


เกี่ยวกับ เพลงพรปีใหม่
เพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 13 ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2494 เมื่อเสด็จนิวัตพระนคร และประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่ แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี 2 วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2495

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

gloomy sunday

http://www.youtube.com/watch?v=48cTUnUtzx4
http://www.youtube.com/watch?v=KzWVWY5QUzg
กลูมมี่ ซันเดย์เป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยนักกวีชาวฮังการีผู้หนึ่ง ชื่อว่า "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" แต่งโดยหนุ่มฮังกาเรียนนามเรสโซ เซเรสส์ (Reszo Seress) มันเริ่มมาจากเมื่อเดือนธันวาคม ปี1932 เรสโซเป็นที่เป็นนักแต่งเพลงยากจน เขาพยายามหาเลี้ยงชีพอยู่ในนครปารีส แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเพลงแต่ละเพลงของเขาไม่ได้รับความสนใจ อีกทั้งคนรักของเขาก็ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยจนทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดในวันหนึ่ง ทั้งคู่ก็ต้องถึงคราวแยกทางกัน ด้วยเหตุนี้ ในวันอาทิตย์วันหนึ่ง มันเป็นวันฝนตก เรสโซที่ทั้งหดหู่และเศร้าหมองด้วยเหตุการณ์ต่างๆก็ได้แต่งเพลงนี้ขึ้นในวันนั้น ซึ่งเป็นการบรรเลงทำนองด้วยเปียโน เขาใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็ประพันธ์เพลงเสร็จ จากนั้นจึงได้ส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆแต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับ และสุดท้ายก็มีสำนักพิมพ์บทประพันธ์แห่งหนึ่งรับไว้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากเพลงนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังมหานครต่างๆทั่วโลก... ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมันนี ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ขอให้วงดนตรีเล่นเพลงกลูมมี่ซันเดย์ให้ฟัง หลังจากนั้น เขากลับบ้านและระเบิดศีรษะด้วยปืนรีวอลเวอร์หลังจากบ่นกับญาติๆว่าเขารู้สึกกดดันอย่างรุนแรงกับท่วงทำนองเพลงที่เขาไม่อาจลบมันออกไปได้ สัปดาห์ต่อมาที่กรุงเบอร์ลินสาวผู้ช่วยร้านขายของแขวนตัวตายอยู่ในแฟลตที่พัก พบบทเพลงกลูมมี่ซันเดย์อยู่ที่ห้องของเธอด้วย สองวันหลังจากนั้น เลขานุการิณีในนิวยอร์กได้ฆ่าตัวตายด้วยแก๊ส ในจดหมายลาตายได้ขอร้องให้เล่นเพลงนี้ในงานศพของเธอด้วย สัปดาห์ถัดมา ชาวนิวยอร์กอีกรายเป็นชายวัย 82 ได้กระโดดหน้าต่างอพาร์ตเมนท์ชั้น 7 ลงมาตาย โดยก่อนตายเขาได้เล่นเพลงนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน วัยรุ่นกรุงโรมก็กระโดดสะพานฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้ฟังเพลงมรณะนี้เช่นเดียวกัน ไม่นานนักเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้หนึ่งก็ได้ยิงตัวตายหลังจากที่ได ้อ่านเนื้อเพลงนี้ รายต่อมาเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่พยายามกินยาพิษเมื่อได้ยินเพลงน ี้จากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในกรุงบูตาเบส ชายคนหนึ่งก็ไดยิงตัวตายในขณะที่เพลงนี้กำลังบรรเลงอยู่ และรายอื่นๆอีกมากมาย... และผู้ประพันธ์เพลงนี้เองก็ต้องเจอชะตากรรมอันเลวร้าย เมือคิดจะไปคืนดีกับคนรัก แต่ในเวลาต่อมาเขาก็รู้ว่า คนรักของเขาได้กินยาพิษฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่ข้างร่างของเธอคือแผ่นกระดาษบทเพลงกลูมมี่ซันเดย์นั่นเอง รัฐบาลฮังการีได้สั่งห้ามไม่ให้เปิดเพลงนี้ออกอากาศ แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังเกิดในที่อื่นๆอีก เช่นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางบีบีซีก็ได้ถูกสั่งห้ามเปิดเพลงนี้เช่นกัน แต่ในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำอย่างรัฐบาลอังกฤษและฮังการี โดยสรุปแล้วการฆ่าตัวตายนั้นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงนี้ประมาณ 200 รายทั่วโลก และในปี 1968 ชาวอังกฤษคนหนึ่งก็ได้กระโดดจากชั้น 8 ของอาคารแห่งหนึ่ง เขาคือ เรสโซ เซเรสส์ ซึ่งไม่สามารถแต่งเพลงได้อีกหลังจากการแต่งทำนองเพลง "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" และนี่เองคือที่มาสำหรับบทเพลงแห่งความตายที่มีชื่อว่า "วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า" หรือ "gloomy sunday"
เนื้อเพลงเพลง "Gloomy Sunday" แต่งโดย ลาฟโร จาร์วัว ทำนองโดย เรสโซ เซเรสส์
Sunday is gloomy, my hours are slumberless Dearest the shadows I live with are numberless Little white flowers will never awaken you Not where the black coach of sorrow has taken you Angels have no thought of ever returning you Would they be angry if I thought of joining you? Gloomy Sunday Gloomy is Sunday, with shadows I spend it all My heart and I have decided to end it all Soon there'll be candles and prayers that are sad I know Let them not weep let them know that I'm glad to go Death is no dream for in death I'm caressing you With the last breath of my soul I'll be blessing you Gloomy Sunday Dreaming, I was only dreaming I wake and I find you asleep in the deep of my heart, here Darling, I hope that my dream never haunted you My heart is telling you how much I wanted you คำแปล วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า วันอาทิตย์นี้ช่างแสนเศร้า
ฉันอยู่แต่ในความมืดมานานพอแล้ว
ฉันและหัวใจของฉันได้ตัดสินใจที่จะจบทุกอย่างแล้ว
อีกไม่นานฉันก็จะห้อมล้อมไปด้วยธูปเทียนและคำภาวนา
ฉันรู้ว่ามันเศร้า แต่อย่าร้องไห้ไปเลย
เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำ
ความตายสำหรับฉันไม่ใช่ความฝัน
เพราะว่าฉันจะได้สัมผัสเธออีกครั้ง
ด้วยลมหายใจสุดท้ายของฉัน
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ
วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า
นั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน
ฉันตื่นขึ้นมาเห็นเธออยู่เคียงข้างในใจของฉัน
ฉันหวังว่าความฝันของฉันนั้นไม่ได้ทำให้เธอเศร้า
เพราะหัวใจของฉันกำลังบอกเธอว่า
ฉันต้องการเธอมากแค่ไหน
วันอาทิตย์ที่แสนเศร้าเครดิต - http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C4963791/C4963791.html

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

IE: อยากลบ History บางรายการทำไง?


IE: อยากลบ History บางรายการทำไง?
ดิฉันต้องแบ่งให้น้องชายที่ค่อนข้างจะมีอายุห่างกันพอสมควรใช้โน้ตบุ๊ก เครื่องเดียวกันค่ะ คราวนี้สังเกตเห็นว่า หน้าเว็บทีเข้าไปดูมันจะเก็บไว้ใน history ซึ่งจะปรากฎขึ้นมาขณะพิมพ์เว็บไซต์ในช่องแอดเดรสด้วย ซึ่งบางเรื่องก็ไม่อยากให้น้องชายคลิ้กไปอ่านค่ะ ก็เลยอยากจะลบมันออกไป ไม่ทราบว่า ต้องทำอย่างไรคะ?
ตอบ: ส่วนใหญ่พวกเราจะทราบวิธีล้าง (clear) ประวัติการเยียมชมเว็บไซต์ (History) ให้หมดภายในคราวเดียว (ปุ่ม Delete history... ใน Internet Options ของ IE) แต่ความจริงคุณอาจต้องการลบทิ้งเพียงบางรายการเท่านั้น อย่างเช่นกรณีของคุณผู้อ่านท่านนี้ ซึ่งเกรงว่า ถ้าลบหมดเว็บไซต์ที่น้องชอบเข้าจะหายไปด้วย เนื่องจากไม่ได้แจ้งว่า ใช้บราวเซอร์อะไรอยู่ก็เลยขอตอบทั้งสองบราวเซอร์คือ IE และ Firefox ก็แล้วกันนะครับ หวังว่า คงจะไม่หลุดไปจากสองตัวนี้
กรณีทีใช้ Internet Explorer (IE)
คลิ้ก ปุ่มลูกศรชี้ลงเล็กๆ ที่อยู่ขวาสุดของช่องป้อนแอดเดรสเว็บไซต์ สังเกตว่า ดรอปดาวน์ของรายการเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมไปแล้วจะไหลลงมา จากนั้นเลื่อนเมาส์ไปตามรายการที่ต้องการลบ สังเกตว่า ที่ด้านขวาของแต่ละรายการจะมีเครื่องหมาย X สีแดงปรากฎอยู่ด้วย ให้ใช้เมาส์คลิ้กบนเครื่องหมายดังกล่าว เพียงแค่นี้ ประวัติศาสตร์ที่คุณไม่อยากให้น้องชายของคุณเข้าไปดู ก็ถูกลบทิ้งไปแล้วล่ะครับ
กรณีทีใช้ Mozilla Firefox
สำ หรับไฟร์ฟอกซ์จะสะดวกและง่ายดายกว่ามาก โดยคลิ้กปุ่มชี้ลงเหมือนกัน (หรือจะคลิ้กเลือกช่องป้อนแอดเดรสของเว็บไซต์ แล้วกดปุ่มลูกศรลงบนคีย์บอร์ด) จากนั้นใช้ปุ่มลูกศรเลือกไฮไลท์รายการเว็บไซต์ที่เคยเยี่ยมชมในอดีต (history) เมื่อถึงรายการที่ต้องการแล้ว ก็กดปุ่ม Delete บนคีย์บอร์ด รายการนั้นก็จะหายไปทันที

เขียนโดย 13Ig ที่ 7:43 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้

ไอคอน Show Desktop หาย

ไอคอน Show Desktop หาย
ม่ต้องกังวลไปครับ ไอคอน Show Desktop สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ โดยใช้แค่เครื่องมือง่ายๆ อย่าง Notepad แต่เนื่องจากคุณไม่ได้แจ้งว่า Windows ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันอะไร ดังนั้นวิธีแก้ไขในที่นี้จะสามารถใช้ได้กับวินโดวส์ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 98 ถึง Vista สำหรับขั้นตอนการสร้าง Show Desktop ขึ้นมาใหม่มีดังนี้1. เปิดโปรแกรมโน้ตแพด (Notepad) แล้วก็อปปี้ข้อความต่อไปนี้เข้าไปกรณีที่ใช้ 98 และ Windows XP ให้ก็อปปี้บรรดทัดข้างล่างนี้เข้าไปใส่ในโน้ตแพด[Shell]Command=2IconFile=explorer.exe,3[Taskbar]Command=ToggleDesktopแต่ถ้าคุณใช้ Vista ให้ก็อปปี้ข้อความข้างล่างนี้แทน[Shell]Command=2IconFile=shell32.dll,34[Taskbar]Command=ToggleDesktop2. จัดเก็บไฟล์ไว้บนเดสก์ทอป โดยตั้งชื่อว่า Show Desktop.scf ขั้นตอนการจัดเก็บไฟล์ข้อความในโน้ตแพดให้มีนามสกุลแบบนี้ ให้คลิกเมนู File เลือก Save As... เลือก Save as type เป็น All Files (*.*) แล้วคลิกปุ่ม Save แล้วปิดโน้ตแพด (ย้ำว่า ชื่อไฟล์และนามสกุลจะต้องเขียนตามนี้เป๊ะคือ Show Desktop.scf)3. และก็ถือขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ ลากไอคอนไฟล์ Show Desktop ลงไปใส่ใน Quicklaunch เพียงแค่นี้คุณก็ได้ไอคอนสำหรับคลิก เพื่อแสดงเดสก์ทอปกลับคืนมาแล้ว...หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะครับ

5 ข้อแนะนำ ก่อนลงวินโดวส์ใหม่

5 ข้อแนะนำ ก่อนลงวินโดวส์ใหม่
รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นายเกาเหลาขออนุญาติแนะนำให้คุณผู้อ่านที่น่ารักได้ลองปฏิบัติตามขั้นตอนทั้ง 5 ข้อนี้ ก่อนที่จะติดตั้ง Windows เข้าไปใหม่อีกครั้ง เพื่อความรวดเร็ว ปลอดภัย มั่นใจ ใช้ได้ชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าครับ ขั้นตอนที่ 1 สิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือ สำรวจดูว่ามีงานเก็บอยู่ในไดรฟ์ที่ติดตั้งวินโดวส์หรือไม่ ? โดยเฉพาะไฟล์งานต่างๆ ที่ชอบวางแปะไว้บนเดสก์ทอป หากพบว่าไม่สามารถเข้าไปถึงส่วนของเดสก์ทอปวินโดวส์ได้เลย คุณอาจต้องใช้แผ่นบูตของวินโดวส์ 98/ME ซึ่งเป็นการบูตผ่านดอสโหมดเข้ามาช่วย ในกรณีที่วินโดวส์ของคุณถูกติดตั้งอยู่ในไดรฟ์ C: ไฟล์ต่างๆ ที่วางไว้บนเดสก์ทอปจะอยู่ที่ไดเรกทอรี C:Documents and SettingsAdministratorDesktop (ล็อกออนด้วยแอกเคานต์ของ Admin) และไดเรกทอรี C:Documents and Settings[Users Account ]Desktop (ล็อกอินด้วยยูสเซอร์แอกเคานต์ทั่วไป) ขั้นตอนที่ 2 หากเราต้องการความรวดเร็วในการลงวินโดวส์ละก็ สิ่งที่ต้องทำก็คือ ถอดอุปกรณ์ที่ยังไม่จำเป็นออกไปก่อน เช่น การ์ดทีวี จูนเนอร์ การ์ดเสียง การ์ดแลน หรือหากมีอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่าง พรินเตอร์ สแกนเนอร์ โมเด็ม ให้ถอดอุปกรณ์พวกนี้ออกไปก่อนก็จะช่วยให้ลงได้เร็วขึ้นได้ ขั้นตอนที่ 3 สแกนตรวจสอบแผ่นติดตั้งวินโดวส์ก่อน ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณใช้แผ่นวินโดวส์ลิขสิทธิ์ครับ เพราะทางผู้ผลิตจะตรวจสอบทุกไฟล์ว่ามีไวรัสหรือมีโค้ดอันตรายแฝงมาด้วยหรือไม่ ถ้าคุณไปก๊อบปี้แผ่นวินโดวส์แท้ของเพื่อนมาก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากอันตรายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะในระหว่างที่เพื่อนคุณไรต์แผ่นซีดีให้ อาจมีไวรัสจากเครื่องนั้นๆ แถมมาด้วยก็เป็นได้ เมื่อคุณนำไปใช้ก็จะติดไวรัสอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะลงสักกี่ครั้งก็ตาม หากยังใช้แผ่นติดตั้งวินโดวส์นั้นก็ไม่รอดครับ ยิ่งเป็นแผ่นซีดีรวมโปรแกรมผีที่มีวินโดวส์อยู่ด้วยละก็ คุณอาจพบกับฝันร้ายในไม่ช้า ดังนั้น แนะนำให้สแกนตรวจสอบแผ่นติดตั้งวินโดวส์จากคอมพ์เครื่องอื่นก่อน เพื่อความปลอดภัยครับ ขั้นตอนที่ 4 หากคุณสงสัยว่าปัญหาจากไวรัสอาจแทรกแซงมาจากไดรฟ์อื่นๆ ในฮาร์ดดิสก์ละก็ วิธีการตรวจสอบคุณต้องถอดฮาร์ดดิสก์ไปเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นๆ หรือใช้แผ่นบูตที่มาพร้อมกับโปรแกรมสแกนไวรัส (แนะนำให้ใช้ยูทิลิตีสำหรับจัดการฮาร์ดดิสก์ที่ชื่อ Hiren BootCD ซึ่งสามารถบูตเครื่องได้และมีโปรแกรมตรวจจับฮาร์ดดิสก์อยู่ด้วย ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ http://homepage.ntlworld.com/hiren.thanki/bootcd.html) จากนั้นก็สแกนค้นหาไวรัส สปายแวร์ ฯลฯ ให้ครบทุกไดรฟ์ที่มีอยู่ เพื่อป้องกันไวรัสโหลดตัวเองขึ้นมาในระหว่างการติดตั้ง หรือหลังจากรีบูตเครื่องครั้งแรกขึ้นมา เพราะขณะนั้นยังไม่มีโปรแกรมตรวจจับไวรัสติดตั้งอยู่เลย ขั้นตอนที่ 5 ตรวจสอบดูที่ฟลอปปี้ไดรฟ์ด้วยว่ามีแผ่นดิสก์ค้างอยู่ในนั้นหรือไม่ เพราะหากมีไวรัสหรือโค้ดอันตรายอยู่ในแผ่นดิสก์ในระหว่างที่ติดตั้งวินโดวส์แล้วละก็ มันอาจสร้างปัญหาให้คุณได้ รวมทั้งการเสียบทรัมป์ไดรฟ์หรือ USB แฟลชไดรฟ์คาเอาไว้ก็สามารถให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันนี้ได้

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Tip Computer

โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic

download โปรแกรมนี้คลิ๊กที่นี่
หลังจากที่เราเคยมีประสบการณ์กับ Kazaa, LimeWire, และ Napter ซึ่งใช้การ download เพลงแบบ peer-to-peer ตัวใหม่ที่จะพูดถึงในวันนี้คือ Muziic ซึ่งเป็น desktop application ที่ใช้งานได้กับ Windows XP, 2003 และ Vista โดยโปรแกรมนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว
Muziic ทำงานยังไง?
ด้วย Muziic คุณสามารถฟังเพลงฟรีแบบออนไลน์ และมีเพลงให้เลือกฟังเป็นล้าน ๆ เพลง ซึ่งคุณจะไม่มีปัญหาใด ๆ เหมือนอย่าง Napsterเพราะ Muziic นั้นเป็นการใช้งานที่ถูกกฏหมาย 100% คุณสามารถใช้โปรแกรมตัวนี้เพื่อค้นหาเพลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใด เก่าแค่ไหน
ในตอนแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมนี้ใหม่ ๆ หน้าตาและการใช้งานโปรแกรมอาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับคุณ แต่เมื่อคุณใช้ไปซักพัก คุณจะรู้สึกว่าโปรแกรมนี้สามารถใช้ค้นหา และฟังเพลงต่าง ๆ ได้สะดวกจริง ๆ
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือดาวน์โหลด Muziic โดยคลิ๊กที่นี่ จากนั้นให้ทำการ Install โปรแกรม แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้งาน
เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา คุณจะเห็น Muziic player window ซึ่งเป็นขึ้นมาเพื่อให้คุณได้ scroll up และ down เพื่อเลือกแนวเพลงที่คุณต้องการ คุณสามารถเปิด genre หรือแนวเพลง และทำการดูรายชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มีสมาชิกคนอื่น upload เข้าไปที่ Muziic ได้โดยการคลิ๊กที่ชื่อของเพลงนั่นเอง
เมื่อคุณเลื่อกแนวเพลง และเจอเพลงที่คุณต้องการจะฟัง คุณก็เพียงแค่คลิ๊กที่สัญลักษณ์ข้าง ๆ เพลงนั้น คุณก็สามารถเพิ่มเพลงนั้นเข้าสู่ play list ได้ทันที
เมื่อเลื่อกเพลงให้ไปอยู่ใน play list แล้วคุณก็สามารถ double click ที่เพลงเพื่อเริ่ม load และเล่นเพลงที่ต้องการได้ทันที
ตัวเดียวก็เกินพอ
Muziic มีตัว player ในการเล่นเพลงที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีเยี่ยม คุณสามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับความเร็ว internet ของคุณโดยการคลิ๊กที่ setting tab และเลือกคุณภาพของเสียงระหว่าง Standard และ HQ Stereo (แบบ HQ หรือ High Quality นั้นคุณจะต้องมี internet ความเร็วสูง)
นอกจากคุณภาพเสียงที่สามารถปรับให้ตรงกับความไว internet ของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกฟังเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว นับว่าเป็นโปรแกรมที่น่าโหลดไปลองใช้ดูอย่างยิ่งครับ
วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที
ปกติเวลาที่เราจะปิดเครื่องและจบการทำงานออกจากวินโด วส์ เราจะไปที่ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off หรือไม่ บางคนก็อาจจะกดปุ่ม Power ตรงเคสหรือซีพียู(บางคนจะเข้าใจอย่างนี้) เพื่อปิดเครื่อง แต่บางคนก็ถอดปลั๊กเลยก็มี (ซึ่งวิธี shutdown เครื่องแบบหลังนี้ ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะจะเป็นอันตรายต่อฮาร์ดแวร์ในเครื่องโดยเฉพาะฮาร ์ดิสก์ไดรว์ ได้นะครับ)และจากวิธีการปิดเครื่อง shutdown เครื่องแบบตามวิธีการไปที่ ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off นั้น วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที มาฝากกันครับวิธีการปิดเครื่อง ชัตดาวน์วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที มีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
ให้กดปุ่ม Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager หรือจะไปคลิกขวาที่ Task Bar (บาร์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอนั่นเอง) > เลือกเมนู Task Manager ก็ได้เช่นกัน
จากนั้นไปคลิกที่เมนู Shutdown > เลื่อนhilight มาที่ Turn Off > จากนั้นให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ และคลิกที่เมนู Turn Off ดังรูป เพียงเท่านี้คุณก็จะปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างไวและรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที แล้วหล่ะครับ ลองนำทริกนี้ไปใช้ดูนะครับ วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายนะครับแต่ว่าผมก็ไม่ค่อยใช้เหม ือนกัน จะใช้ก็ต่อเมื่อรีบเร่งปิดเครื่องเท่านั้นครับ
http://www.bcoms.net/tipcomputer/index.asp

LUciFer



ตำนานลูซิเฟอร์


ลูซิเฟอร์ (Lucifer) จอมมารแห่งนรก พวกเราคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก อาจจะเพราะว่าเค้ามีบทบาทเยอะในพระคัมภีร์ คำว่าลูซิเฟอร์นั้น เป็นคำละติน มาจากสองคำ คำว่า Lux ซึ้งแปลว่าแสงสว่าง และ Ferrer แปลว่า ผู้นำมา หรือ ผู้ถือ ซึ่งถ้าเอามารวมกันก็จะแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงส่วง" หรือถ้าจะแปลตามภาษาชาวบ้านอีกทีก็คงจะแปลว่า รุ่งอรุณ หรือ ดาวแห่งความแสงสว่าง อะไรทำนองนั้น อดีตอัคระเทวฑูตองค์นี้ พระเป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่างและให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก ถือได้ว่า เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า ถือได้ว่าเป็นอัคระเทวฑูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่าด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือใคร ทำให้ก่อกบฏหักหลังพระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ตกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ" ตามตำนานของชาวฮิบรู ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีนึง (เห็นได้ว่าตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานเป็นคนละคนกัน) ซึ่งในพระคัมภีร์ของฮิบรูนั้น ซาตานก็เป็นหนึ่งในอัคระเทวฑูตด้วย ชื้อว่า Satan-Sataniel (หรือSamael?) ว่ากันว่าซาตานต้องการที่จะเป็นที่สุดในจักรวาล เลยได้ยุยง (บางก็บอกสิงสู่) เทพบางองค์ ทำให้เป็นมารร้าย ตามตำนานของชาวคริสต์ ในคัมภีร์The Old Testamentได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้โยงกับปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอดัมและอีฟ ในยุคกลาง นักบุญเจอโรม (St.Jerome)หลวงพ่อในศาสนะจักร คิดว่า ลูซิเฟอร์ ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปีศาจ" และได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมมาเป็นคนเดียวกัน ซึ้งจะเห็นได้ว่าในพระคัมภีร์บางทีก็ชื่อลูซิเฟอร์ บางทีก็ชื่อ ซาตาน ในตำนานกรีกบางที คำว่า ลูซิเฟอร์ เปลียบได้กับดาววีนัส (ซึ่งลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส) ในบางตำนานของชาวเพแก้น หรือ วิคคา บอกไว้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ก็ได้ให้ความดูแลสนใจในตัว มนุษย์มากกว่าผู้อื่นได ซึ่งมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยใจ และประชดพระเป็นเจ้าโดยการนำพรรคพวกมาก่อกบฏ ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่า ลูซิเฟอร์นั้นอยู่ที่ยุโรปและเอเชีย ทุกวันนี้ มีลัทธิเกิดขึ้นมาใหม่ ที่มีลูซิเฟอร์เป็นเทพของพวกเค้า และเรียกตัวเองว่า ลูซิเฟอเรี่ยน (Luciferains) ตามชื่อศาสดาของพวกเค้า Lucifer Calaritanus บิช๊อปของลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือกและเป็นเทพ แต่คือลูซิเฟอร์นั้นเอง (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือ บูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเค้า ได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนจะร่วงหล่น" หรือ Before the fall ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์นั้นเอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมากและหลงไหลกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้น ใสซื่อของมนุษย์นั้นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนของพระเป็นเจ้า ในคัมภีร์เลยบอกไว้ว่า พระเจ้าได้เสกให้งูมาล้อลวงมนุษย์ ให้กินผลไม้แห่งปัญญา พอมนุษย์ได้กินเข้าไป ก็ได้รู้สึกถึงพระเป็นเจ้า และ ได้ขับออกจากสวนอีเดนไป พอลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าก็ได้โกรธและก่อกบฏขึ้น นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำมาเพื่อโน้มน้าวจิตใจของสาวกลัทธิลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งต่อมาได้เป็นลัทธินอกรีต และ มีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ บางกลุ่มก็ได้ใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อนกล่อมประสาท ทำไมลูซิเฟอร์ถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยองทุกๆท่านก็คงรู้แล้วสินะครับ เป็นเพราะลูซิเฟอร์นึกว่าตนเองเก่งกว่าใครและมีพลังมากกว่าคนอื่น ทำให้หลงผิดและก่อกบฏขึ้น ทำให้ก่อสงครามสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 (บางก็ว่า 3/5) ของเทพบนสวรรค์ มาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ นำทับโดย อัคระเทวฑูต มิคาเอล และได้พ้ายแพ้ไปในที่สุด ในตำนานบอกไว้ว่าลูซิเฟอร์นั้น มักจะปรากฏกายในรูปของมังกร หรือ สิงโต และมีลูกน้องที่พักดีเสมือนแขนทั้งสองข้าง ชื่อว่า Satanackia และ Agalierap นี้คือตราของมัน -

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=dek-kub-rua&date=24-03-2006&group=6&gblog=3

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

10อันดับสุดยอดเรือรบ




10อันดับสุดยอดเรือรบ
Discovery Channel ได้จัดอันดับเรือรบของโลก ที่เคยใช้ในสงครามโลกและใช้ป้องกันประเทศ ในปัจจุบันด้วย มาดูกันว่า มีอะไรกันบ้าง.. 10. Hood Class - Battle Cruiser; Great Britain ระวางขับน้ำ 42500 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก เรือที่เป็นที่ความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษมันสร้างความกลัวให้แก่ข้าศึกในปี 1930-1940 แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดขึ้นมันได้ลง สู่สนามรบครั้งแรกกับเรือ BISMARCK ของนาซีจากการยิงจากBISMARCK เพียง 5 ตับก็ทำให้เรือ HOOD จมลงในเวลาประมาณ 8 นาที



9. DEUTSCHLAND CLASS - POCKET Battleship ระวางขับน้ำ 16200 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 11 นิ้ว 6 กระบอก เมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ฝ่ายเยอรมันถูกจำกัดไม่ให้สร้างเรือรบที่มีระวางขับน้ำไม่เกิน 10000 ตันแต่ฝ่ายเยอรมันกลับสร้างเรือ ชิ้นนี้ขึ้นซึ่งเรือลำนี้วางกระดูกงูก่อนฮิตเลอร์ขึ้นอำนาจซะอีกโดยต่อ ขึ้นมา 3 ลำคือ1.Deutschland 2. Admiral Scheer 3. Admiral Graf Spee เรือชั้นนี้มีขนาดเล็กมีความเร็วสูงและมีปืนที่ดีเรือถูกเรียกว่า PANZER SHIP



8. ESSEX CLASS - AIRCRAFT CARRIER ระวางขับน้ำ 34480 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 12 กระบอก AA-GUN 20 mm.และ 40 mm. ประมาณ 68 กระบอก เครื่องบิน 100 เครื่อง(F4U CORSAIR)เรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ถล่มเกาะต่างที่ญี่ปุนยึดเป็นฐานบินลอยน้ำที่มีความสำคัญ ต่อกองทัพเรือมากจึงเป็นเป้าของเครื่องบินกามิกกาเซ่



7. BISMARCK CLASS - BATTLESHIP ระวางขับน้ำ 50153 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก สุดยอดเรือรบของนาซีเป็นเรือที่ฮิตเลอร์ชอบมากโดยเรือชั้นนี้ต่อมา 2 ลำคือ1.BISMARCK 2. TIRPITZ มันได้ชื่อเสียงจากการที่ BISMARCK จมเรือ HOOD ของอังกฤษแต่พอข่าวการจมเรือ HOOD ไปถึงกองทัพเรืออังกฤษทำให้อังกฤษส่งกองเรือออกตามล่าและในอีก 3 วันเรือ BISMARCK ก็ถูกกองเรืออังกฤษรุมยำและจมลงเมือ BISMARCK จม อังกฤษก็หันไปล่าเรือTIRPITZ และมันก็ถูกจมหลังจากที่ไปแอบอยู่แถวๆนอร์เวย์



6. NORTH CAROLINA CLASS BATTLESHIP ระวางขับน้ำ 44800 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก เรือรบที่ทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือของสหรัฐในแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และมีปืนที่มีอำนาจทำลายสูง


5. Fletcher Class - Destroyer; United States ระวางขับน้ำ 2900 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 5 กระบอก เรือประจัญบานขนาดเล็กของกองทัพเรือสหรัฐหน้าที่คือการคุ้มกันเรือสินค้า มันมีขนาดเล็กและความเร็วสูงและยังติดตั้งระเบิดน้ำลึกที่ใช้ ทำลายเรือดำน้ำด้วย


4. TICONDEROGA CLASS - MISSLE CRUISER ระวางขับน้ำ 9646 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 2 กระบอก แท่นปล่อยจรวดแบบ MK 41 2แท่น เรือลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐมีหน้าที่หลักๆคือการป้องกันภัยทางอากาศและต่อต้านเรือทั้งผิวน้ำ และดำน้ำมีจรวดแบบ STANDARD SM 2 ตอร์ปิโดMK 32 จรวดHARPOON และสามารถสนับสนุนหน่วยทหารได้ด้วยจรวดTOMAHAWK MISSLE


3. QUEEN ELIZABETH CLASS - BATTLESHIP ระวางขับน้ำ 36450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก เรือที่ฝ่ายอังกฤษสร้างขึ้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 มันมีขนาดใหญ่มากและทำให้ข้าศึกไม่กล้าออกมาสู้ด้วยและได้ปรับปรุงและใช้ ในสงครามโลกครั้งที่2ด้วย

2. NIMITZ CLASS - AIRCRAFT CARRIERระวางขับน้ำ 97000-100000 ตัน อาวุธ เครื่องบิน 85 เครื่อง (F-14D,F-18C,EA-6,EC-2,S-3B,SH-60,C-2A)เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดยักษ์มันมีเครื่องบินถึง 85 ลำและมันไป ถึงทุกที่ในโลกได้ด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตาและมีอาวุธป้องกันตัวคืออาวุธนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ SEA SPARROW 3แท่นๆละ 8 ท่อ ยิง ระบบปืน VALCAN PHALANXขนาด 20 mm. 4 แท่น (นี่ก็ของปัจจุบัน)

1. Iowa Class - Fast Battleshipระวางขับน้ำ 57450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก สุดยอดเรือรบของสหรัฐมีขนาดใหญ่มากๆเรือชั้นนี้ถูกสร้างมา6ลำ 1. USS Iowa 2. USS New Jersey 3. USS Missouri 4. USS Wisconsin 5. USS Illinois 6. USS Kentucky เป็นเรือที่อายุการใช้งานยาวนานมากที่สุดในโลกคือสงครามโลกครั้งที่2ไปจนถึงสงครามอ่าวปี 1991 โดยทำการติดตั้งแท่นปล่อยจรวด TOMAHAWK MISSLE

http://forum.mthai.com/view_topic.php?table_id=1&cate_id=34&post_id=35184

10 อันดับ รถถังที่ดีที่สุดในโลก

http://www.zone-it.com/59998

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

10สุดยอดเครื่องบินรบ



อันดับ 10:F-14 Tomcat F-14 สุดยอดเครื่องบินแห่งกองทัพเรือสหรัฐ ที่มีปีกทีเปลี่ยนมุมปะทะได้ ที่ให้ใช้ทางวิ่งน้อยลง,เร็วขึ้น,คล่องตัวมากขึ้น F-14 ตอนที่ผลิตออกมา ใหม่ๆ มีสุดยอดเรด้าที่ไม่มีเครื่องบินลำไหนเทียบได้ในสมัยนั้น ด้วยความสามารถ ล็อกเป้า ได้พร้อมกัน 24 เป้า แล้วโจมตีได้อย่างต่อเนื่ิอง ครั้งละ 6 เป้า F-14 ตอนออกมาใหม่ๆ แทบจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ทั้งลำ ทั้งเครื่องยนต์ที่วางเอียงเล็กน้อย และ จรวดนำวิธี Phenoix ที่ทำให้F-14 โด่งดัง แต่F-14 นั้นไม่เคยได้ยิงใครตกจริงๆ ในการรบเลย มีประวัิติการรบที่สั้นมากเข้าร่วม สงครามอ่าวครั้งที่ 1 และสงครามIraq แต่ก็ถูก F-18 แย่งซีน ไปหมด จึงมาอยู่อันดับ10 ครับ
http://www.clipmass.com/movie/33904655597056



อันดับ 9: F-5 Tiger F-5 ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อสู้กับ Mig-21 โดยเฉพาะ F-5 เป็นเครื่องบินขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูงมาก เป็นเครื่องบินรบแบบแรกๆ ที่ฝ่าความเร็วเสียง ได้ถูกสร้างขึ้นมาจำนวนมากเพราะถูก ประวัติ F-5 ในประเทศไทยมี F-5 รุ่น 2 ที่นั่งลำแรกของโลก ปัจจุบันปลดประจำการไปแล้ว ประเทศไทยเสีย F-5 F ลำหนึ่งไปตอนเข้าโจมตีสนาม บินลาว นักบินทั้ง2 ดีดตัวออก F-5 A ของประเทศไทยถูก Sam ของเวียดนาม ยิงตูดพังไปข้างนึง แต่ยังกลับฐานได้ ปัจจุบันประเทศไทยมี F-5 ประจำการ 2 ฝูง ทั้งหมดประมาณ 30 ลำ(ตัวเลขไม่แน่ใจ) F-5E กำลังจะปลดประจำการแล้ว แทนด้วยGripen ส่วน F-5F นั้นคงยังไม่ เพราะพึ่งจะ ได้รับการปรับปรุงไปไม่นาน



อันดับ8 - A4 skyhawk เล็กแต่คล่อง เป็นเครื่องบินโจมตี ที่สามารถ เข้าไปสู้กับเครื่องบินขับไล่ได้อย่างสบายเลยครับน้ำหนักบรรทุก ของA-4 ก็เยอะ เมื่อเทียบกับน้ำหนัก ตัว คือ 5 ตัน : 4 ตัน สงครามที่ทำให้โลกรู้จัก A-4 ก็คือสงครามForkland A-4 ใช้ Exocet จม เรือรบไป 3 ลำครับ นอกจากนี้ยังขึ้นลงจากเรือ บรรทุกเครื่องบินได้ด้วย อันดับ 7 : F-22 Raptor ชี้แจงก่อนนะครับว่าทำไมF-22 ถึงอยู่

อันดับ 7 ก็เพราะว่ามันพึ่งประกาศความพร้อมรบได้แค่ ไม่่กี่ปีครับ แถมยังไม่มีผลงานทางการรบเลย ทุกคน รู้จัก F-22 กันดีอยุ่หละมั้งครับ มีการซ้อมรบครั้งนึง F-22 เคยล็อกเป้า F-15 ได้ทั้งหมด 80 ครั้ง โดยไม่ถูกยิงตกเลย F-22 มีคุณสมบัติ "Stealth" ซึ่ง แปลว่า "ตรวจจับได้ยากนะครับ" ไม่ใช่ "ตรวจจับไม่ได้" F-22 มีขนาดเท่าลูกแก้วเมื่อมองจากเรด้าครับ ซึ่ง ถ้าเข้าใกล้พอ radar ทั่วไปก็สามารถ ตรวจจับ F-22 ได้ และอีกอย่าง F-22 นั้นแพงมากครับ ถ้ารวมกับค่าวิจัยแล้ว ราคาจะอยู่ที่ 200ล้านเหรียญ Us $ ต่อ ลำครับ โคตรแพงเลย เอาไป ซื้อเครื่องบินจีน 10 ลำ ดีกว่าเยอะครับ F-22 สามารถฝ่าความเร็วเสียงได้โดยไม่ต้องใช้ After Burner และท่อมีท่อไอเสียที่ปรับทิศทางได้ ส่วน เรด้าก็มีระบบDatalink เหมือนGripen


อันดับ6 : F-18 Hornet(Super Hornet) F-18 เป็น Multirole aircraftครับ ทำได้หลายภารกิจ F-18 ช่วงที่ผลิตออกมาใหม่ๆ นั้น "ห่วยมาก" ไม่มีใครต้องการจริงๆ พออัพเกรดมาเป็น F-18C แล้วถึงจะดีขึ้น เครื่องยนต์ใหม่ ของ F-18 นั้นถือได้ว่า เป็นเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก และ F-18ก็มีระบบช่วงล่างที่ดีมาก แต่ F-18 นั้นสูญเสียมากไปหน่อยในการรบครับ และถ้าเทียบจากความก้าวหน้าแล้ว F-18 นั้น ไม่ได้เป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีเลยครับ แต่ก็ยังเป็นเครื่องที่ดีมากๆ









อันดับ 5: A-10 Thunderbolt A-10 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายรถถังโดยเฉพาะ มีรูปร่างที่น่ารักมากครับ เหมือนหมูดี เมื่อทุกคนเห็นA-10 จะสังเกตุปืน แก้ตลิ่ง 30 mm ของมัน ทันที มีขนาดใหญ่ถึง 1/4 ของเครื่องครับ A-10 มีบทบาทในสงคราม Iraq มาก A-10 เป็นเครื่องบินที่อึดมากๆ ถ้าคุณคิดจะสอย A-10 ลงจากฟ้าให้ ได้แล้วล่ะก็ คุณจำเป็นต้องเล่นด้วยของหนักอย่าง SAM ถ้า่แค่ปืนกล นะ อย่าหวังเลย



อันดับ4 : F-117 Nighthawk ปรมาจารย์ ให้วิชาตัวเบาครับ เป็นเครื่องบินที่มีคุณสมบัติ ตรวจจับได้ยาก ลำแรกของโลก Nighthawk นั้นมีบทบาทอย่างสูงในสงครามต่อต้านการ ก่อการร้าย เช่น Opertation Shock and Awe ที่F-117 40เครื่องไปถล่ม แบกแดด และกลับออกมาโดยไม่มีรอยขีดข่วนเลย ทั้งที่โดนยิงถล่มด้วย ทุกอย่างที่มันมีครับ F-117 ถึงแม้จะเริ่มแก่แล้วแต่ก็ยังสุดยอด เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเครื่องนี้คือ F-117 เคยถูกยิงตกที่บอสเนียด้วย ถูกยิง ตกด้วยSam ครับ เป็นการย้ำว่า ไม่มี Stealth ที่สมบูรณ์แบบนะครับถ้าเข้าใกล้พอก็ยิงได้


อันดับ 3 : P-51 Mustang นี่คือเครื่องบินที่เปลี่ยนสถานการ์ณของสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ เป็นครั้งแรกที่อเมริกา มีฝูงบินคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดถึงในเยอรมันนี ลดการสูญ เสียไปได้มาก P-51 มีอัตราการฆ่าสูงมาก แม้แต่ในสงครามเกาหลี ก็ยังยิงเครื่องบิน Jet ตกได้ครับ ปัจจุับันยังเป็นต้นแบบของเครื่องบินฝึก และยังใช้ในฝูงบินผาดแผลงบางฝูงด้วย


อันดับ 2: F-16 Falcon F-16 เป็นเครื่องบินที่มีประจำการมากที่สุดในปัจจุบันคือราวๆ 4000 ลำ ถูก, คล่องตัวสูง, ใช้อาวุธได้เยอะ ทำให้F-16 เป็นสุดยอดเครื่องบินครับ การDesignของ F-16 นั้น ถูกจงใจออกแบบมาไม่ให้ถูกตามหลักอากาศกลศาสตร์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับครื่อง F-16 จึงต้องบินด้วยcomputer คือระบบ Fly by wire ครับ ใช้computer แก้ แฟลบแก้เอียงเป็นพันๆ ครั้งใน 1 วินาที F-16 ควบคุมด้วยระบบ computer ทั้งหมด สามารถรับแรงG ได้สูงมากๆ แต่ถูกบังคับไม่ให้แสดงท่าทางที่มนุษย์จะทนไม่ได้ คือMaximum 9G ครับ ประเทศไทยมี F-16 ประจำการ59 ลำ


สุดยอดอันดับ 1 F-15 F-15 เป็น สุดยอดเครื่องบินของโลกครับ F-15 มีประวัติการรบที่ไม่มีใครเทียบได้ คือ ยิงเครื่องบินข้าศึกตกไปทั้งหมด 95 ลำ และไ่ม่เคยถูกยิงตก เลย นับเป็น30 ปีแห่ง 95-0 ที่สวยมาก F-15 ยังถูกสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ลูกค้ารายล่าสุดที่พึ่งส่งมอบไปคือเกาหลี และพึ่งสั่งซื้อคือ Singapore F-15 ของอิสราเอลนั้น เคยเกิดอุบัติเหตุ ชนกับ A-4 กลางอากาศ แต่ ทำให้ F-15 ปีกหลุดไปข้างนึง แต่F-15 นั้นสามารถบินได้ด้วยปีกข้างเดียว ความจริงแล้ว F-15 นั้นสามารถบินได้โดยไม่มีปีกได้ เครื่องยนต์ที่ใช้คือ เครื่อง

Blog



แปลได้ว่า : Blog ย่อมาจาก "Weblog" โดยตัดตัว "We" ด้านหน้าออกไป และหมายถึงหน้าเว็บที่ใครๆก็เข้าไปอ่านเรื่องที่คนเขียนเรื่องต่างๆเอาไว้ได้ของแต่ละคน โดยมากก็จะอัพเดตกันได้ทุกวัน และ blog มักจะสะท้อนบุคลิกส่วนตัวของเจ้าของ blog
ผู้คิดค้น
คำว่า "Weblog" ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดย Jorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี 1997. ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนาย Peter Merholz จับมาเรียกย่อเหลือแต่"blog" แทนในเดือนเมษายนปีคศ. 1999 และจนมาถึงวันที่ 13 มีนาคม คศ.2003 ทาง Oxford English Dictionary จึงได้บรรจุคำว่า blog ในพจนานุกรม แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
รูปแบบ
รูปแบบของ blog นั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่เป็นหัวข้อลิงค์ง่ายๆไปจนถึงการรวมเรื่องที่มีการให้คนอื่นที่มาดู blog เขียนคอมเม้นท์ไว้ได้ หรือโหวตให้คะแนนได้ blog มักจะลงวันที่และเวลาที่เขียนไว้ด้วย และรายการที่โพสล่าสุดมักจะอยู่ข้างบน เนื่องจากลิงค์เป็นเรื่องสำคัญมากของ blog โดยมาก blog ต่างๆจึงต้องทำลิงค์ให้ไปอ่านเรื่องเก่าๆได้ง่ายและชื่อเว็บที่เรียกเข้า blog แต่ละคนก็จะเขียนแบบง่ายๆด้วยครับ

แนวคิดการบริหาร : Blog สื่อใหม่ที่น่าจับตา
โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์
14 มีนาคม 2548 18:36 น.
Blog คืออะไร? ผู้รู้หลายๆ ท่านมักจะชอบเปรียบเปรยว่า Blog เป็นเหมือนกับสมุดบันทึกหรือไดอารี่ที่เราเขียนเป็นประจำ เพียงแต่สมุดบันทึกดังกล่าวแทนที่จะเขียนบนกระดาษเรากลับเขียนลงบนโลกออนไลน์ ที่คนทั่วโลกเขาสามารถอ่านกันได้ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นตอบกลับมาได้ เรื่องที่เราเขียนบน Blog อาจจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากจะเขียนไม่ว่าจะเป็นการพร่ำพรรณนาถึงแสงแดด สายลม และความรัก หรือ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เราเจอรอบๆ ตัว หรือ แม้กระทั่งการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ ฯลฯ ชื่อของ Blog นั้นมาจากคำว่า Weblog แต่เรียกให้สั้นเข้าก็เลยตัด We ออกเหลือเพียงแค่ Blog เท่านั้นครับ และทาง Oxford English Dictionary ก็ได้บรรจุคำๆ นี้ลงในพจนานุกรมของตัวเองแล้วครับ (ขอขอบพระคุณ kapook.com สำหรับข้อมูลนะครับ) Blog ทำให้ทุกคนสามารถกลายเป็นนักเขียนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกที่สุด ตอนนี้ประมาณกันว่ามีจำนวนผู้ที่เขียน Blog เป็นประจำมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก ถึงแม้อินเตอร์เนตจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในเรื่องของการสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ มานานนับสิบกว่าปีแล้ว แต่ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูซิครับว่าข่าวที่สื่อออกไปผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้นก็ยังเป็นข่าวเดิมๆ ที่ได้มีการสื่อผ่านทางช่องทางอื่นอยู่แล้ว ไม่ต้องมองอื่นไกลครับ เว็บข่าวหลายๆ แห่งของเมืองไทยก็นำเนื้อหามาจากหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ โดยดัดแปลงเข้าสื่ออินเตอร์เนตเท่านั้นเอง แต่ในโลกของ Blog หรือที่เขาเรียกกันว่า Blogosphere นั้น โลกของข้อมูลข่าวสารที่เขียนนั้นไม่ได้ถูกควบคุมและผู้เขียนเป็นผู้เลือกสิ่งที่จะเขียน ผลก็คือ Blog หลายๆ แห่งทั่วโลกกำลังกลายเป็นสื่อแห่งใหม่ที่กำลังส่งผลและมีอิทธิพลต่อความคิด วิถีชีวิต หรือพฤติกรรมในการซื้อของ ของคนนับล้านทั่วโลก ซึ่งสุดท้ายองค์กรธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัวต่อกระแสความตื่นตัวของ Blog อย่างไรก็ดี ซึ่งในตอนนี้องค์กรยักษ์ใหญ่หลายๆ แห่งก็เริ่มที่จะตระหนักและปรับตัวให้ทันตามกระแส Blog กันมากขึ้น ลองดูตัวอย่างที่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อองค์กรธุรกิจบ้างนะครับ เมื่อปลายปีที่แล้วมีคนเขียน Blog เกี่ยวกับปัญหาของที่ล็อคกุญแจจักรยานยี่ห้อ Kryptonite (เป็นรูปตัวยู เอาไว้ล็อคจักรยานกับราวเหล็กกันขโมย) ว่าที่ล็อคยี่ห้อนี้สามารถแงะออกมาได้ด้วยเพียงแค่ปากกาลูกลื่น ซึ่งข่าวก็กระจายไปอย่างรวดเร็วมาก มี Blog บางแห่งที่มีวิดีโอสาธิตให้ดูด้วย ในตอนแรกบริษัท Kryptonite ก็เพียงออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริงและสัญญาว่าในรุ่นต่อไปจะแข็งแรงยิ่งขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ข่าวสงบลง ทุกวันก็จะมีการเขียน Blog ใหม่ๆ ถึงที่ล็อคกุญแจยี่ห้อดังกล่าว จนท้ายที่สุดเพียงแค่สิบวันจากที่มี Blog แรก ทางบริษัทตัดสินใจที่จะส่งที่ล็อคกุญแจอันใหม่ไปให้ผู้ใช้ทั้งหมด 100,000 อัน ทำให้บริษัทต้องสูญเสียเงินทั้งหมด 10 ล้านเหรียญ (เป็นบริษัทที่มีรายได้ 25 ล้านเหรียญต่อปี) ผู้บริหารเขากระอักเลยครับ 10 วัน 10 ล้านเหรียญ ในขณะเดียวกันก็มีบางบริษัทเช่นมาสด้าที่พยายามจะใช้ประโยชน์จาก Blog เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น โดยเขียน Blog ของตัวเองขึ้นมา (ใช้ชื่อสมมติ) และใน Blog ดังกล่าวก็มีแต่วิดีโอโฆษณารถของมาสด้า ซึ่งผลก็คือผู้ที่เข้ามาดูไม่ถูกหลอก และมาสด้าก็ถูกวิจารณ์ไปจนต้องปิด Blog ของตัวเองลงภายในสามวัน แต่ก็ใช่ว่า Blog จะส่งผลในทางลบต่อองค์กรธุรกิจนะครับ ส่งผลในทางบวกก็มี เช่นกรณีของ Shayne McQuade ผู้ประกอบการที่คิดเป้สะพายหลัง ที่มีแผงพลังงานรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อนำมาใช้ในการชาร์จพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งเรามักจะพกติดกระเป๋า เช่นโทรศัพท์มือถือ หรือ PDA ต่างๆ ซึ่ง McQuade ก็ได้ทำการออกแบบ ผลิตทุกอย่างจนเรียบร้อย เหลือเพียงแค่การทำการตลาด ซึ่ง McQuade ก็ได้ขอให้เพื่อนของเขาที่มี Blog ของตัวเอง ช่วยพูดถึงสินค้าของเขาให้หน่อย ปรากฏว่าจาก Blog เล็กๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมงก็ได้มี Blog ขนาดใหญ่ที่พาดพิงถึง และสุดท้ายยอดสั่งซื้อก็เข้ามาอย่างทะลักทลาย ในปัจจุบันอาจจะถือว่าวิวัฒนาการและความนิยมของ Blog ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นนะครับ แต่จากผู้เชี่ยวชาญหลายๆ สำนักต่างมองตรงกันว่า Blog จะเป็นความตื่นตัวครั้งใหม่ในวงการ ซึ่งองค์กรธุรกิจทุกแห่งจะต้องรู้จักที่จะปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก Blog ให้เป็น มีการเตือนกันไว้ว่านักการตลาดจะต้องรู้จักที่จะบริหารจัดการกับ Blog ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากสื่อธรรมดาทั่วๆ ไป เนื่องจาก Blog ไม่ได้เป็นเพียงที่ๆ จะโฆษณาเท่านั้นนะครับ แต่ยังเป็นที่ๆ คนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ท่านผู้อ่านที่อยากจะรู้จักและเข้าใจ Blog ให้มากขึ้นลอง เริ่มต้นที่ Blogger.com ดูก็ได้นะครับ เป็นของ Google หรือ มีหลายเว็บที่ได้รับการจัดลำดับให้อยู่ในพวกยอดนิยมเช่น www.weblog.ro หรือ www.slashdot.org หรือในเมืองไทยที่ตอนนี้เป็นแหล่งรวม Blog ใหญ่ๆ ก็มีที่เว็บของผู้จัดการ (weblog.manager.co.th) หรือถ้าท่านผู้อ่านยังมีใจวัยรุ่นหน่อยก็ลองไปดูที่ www.kapook.com ก็ได้ครับ ผมเองก็ลองเริ่มเขียน Blog บ้างแล้วครับ ฝากไว้ในเว็บของผู้จัดการ ท่านผู้อ่านลองไปหาดูแล้วกันนะครับ
http://keng.com/2005/09/30/what-is-blog/